ปลานึ่งจิ้มแจ่ว

Facebook Addthis

ชาวอีสานไม่นิยมกินของทอด หรือมีน้ำมัน ปลานึ่ง เป็นอีกเมนูหนึ่งที่นิยมทำกันด้วยการปรุงง่ายๆ ปลาสดจากท้องนา นึ่งกับสมุนไพรดับคาว และเพิ่มกลิ่นหอม กินกับน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ด ความอร่อยง่ายๆ ที่ทุกคนติดใจ


คุณค่าทางโภชนาการ

ปลานิล ให้โปรตีนมากกว่าเนื้อไก่ และเนื้อหมู เกือบเท่าตัว อีกทั้งไขมันต่ำ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นประโยชน์กับร่างกาย ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ซึ่งปัจจุบันมีสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย การกินเนื้อปลา จึงได้ทั้งประโยชน์ทางด้านปริมาณ และคุณภาพ นอกจากนี้ เนื้อปลายังช่วยต่อต้านโรคเบาหวาน ไขข้ออักเสบ และป้องกันโรคหอบหืด ช่วยสร้างเซลล์สมองใยประสาทให้เด็กที่อยู่ในครรภ์

ส่วนผสม

ปลานิล 1 ตัว
ข่าหั่นแว่น 5 ชิ้น
ตะไคร้หั่นเฉียง 1 ต้น
ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
กะหล่ำปลี ½ หัว
แครอทหั่นเป็นแท่ง ½ หัว
ถั่วฝักยาวหั่นท่อน 200 กรัม

ส่วนผสมน้ำจิ้มแจ่ว
พริกขี้หนูแดง 15 เม็ด
หอมแดง 7 หัว
มะเขือเทศสีดา 5 ลูก
กระเทียมกลีบใหญ่ 6 กลีบ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนชา
น้ำปลาร้าต้มสุก ½ ถ้วย
น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนโต๊ะ
เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ


วิธีการทำ

1. นำปลามาขอดเกล็ดควักไส้ ล้างให้สะอาด บั้งลำตัวไว้ ยัดไส้ด้วย ใบมะกรูด ข่า ตะไคร้
2. นำปลามาวางบนจานที่จะใช้นึ่ง เรียงผักกะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว แครอท รอบๆ ตัวปลา
3. นึ่งปลาและผักประมาณ 20 - 30 นาทีด้วยไฟแรง จนสุกดี
4. ระหว่างรอปลาสุก ทำน้ำจิ้มแจ่ว โดยนำพริก หอม กระเทียม และมะเขือเทศสีดา คั่วในกระทะ จนเกรียม
5. ตำพริก หอม กระเทียม รวมกัน ละเอียดดีแล้ว ใส่มะเขือเทศตำให้เข้ากัน
6. ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา น้ำปลาร้า น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ ชิมให้ได้รสพอดี
7. เมื่อปลา และผักนึ่งสุกดีแล้ว นำมารับประทานกับน้ำจิ้มแจ่ว