ชาวอีสานไม่นิยมกินของทอด หรือมีน้ำมัน ปลานึ่ง เป็นอีกเมนูหนึ่งที่นิยมทำกันด้วยการปรุงง่ายๆ ปลาสดจากท้องนา นึ่งกับสมุนไพรดับคาว และเพิ่มกลิ่นหอม กินกับน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ด ความอร่อยง่ายๆ ที่ทุกคนติดใจ
คุณค่าทางโภชนาการ
ปลานิล ให้โปรตีนมากกว่าเนื้อไก่ และเนื้อหมู เกือบเท่าตัว อีกทั้งไขมันต่ำ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นประโยชน์กับร่างกาย ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ซึ่งปัจจุบันมีสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย การกินเนื้อปลา จึงได้ทั้งประโยชน์ทางด้านปริมาณ และคุณภาพ นอกจากนี้ เนื้อปลายังช่วยต่อต้านโรคเบาหวาน ไขข้ออักเสบ และป้องกันโรคหอบหืด ช่วยสร้างเซลล์สมองใยประสาทให้เด็กที่อยู่ในครรภ์ส่วนผสม
ปลานิล 1 ตัว
ข่าหั่นแว่น 5 ชิ้น
ตะไคร้หั่นเฉียง 1 ต้น
ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
กะหล่ำปลี ½ หัว
แครอทหั่นเป็นแท่ง ½ หัว
ถั่วฝักยาวหั่นท่อน 200 กรัม
ส่วนผสมน้ำจิ้มแจ่ว
พริกขี้หนูแดง 15 เม็ด
หอมแดง 7 หัว
มะเขือเทศสีดา 5 ลูก
กระเทียมกลีบใหญ่ 6 กลีบ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนชา
น้ำปลาร้าต้มสุก ½ ถ้วย
น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนโต๊ะ
เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
1. นำปลามาขอดเกล็ดควักไส้ ล้างให้สะอาด บั้งลำตัวไว้ ยัดไส้ด้วย ใบมะกรูด ข่า ตะไคร้2. นำปลามาวางบนจานที่จะใช้นึ่ง เรียงผักกะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว แครอท รอบๆ ตัวปลา
3. นึ่งปลาและผักประมาณ 20 - 30 นาทีด้วยไฟแรง จนสุกดี
4. ระหว่างรอปลาสุก ทำน้ำจิ้มแจ่ว โดยนำพริก หอม กระเทียม และมะเขือเทศสีดา คั่วในกระทะ จนเกรียม
5. ตำพริก หอม กระเทียม รวมกัน ละเอียดดีแล้ว ใส่มะเขือเทศตำให้เข้ากัน
6. ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา น้ำปลาร้า น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ ชิมให้ได้รสพอดี
7. เมื่อปลา และผักนึ่งสุกดีแล้ว นำมารับประทานกับน้ำจิ้มแจ่ว